ยาแก้ปวดผู้ป่วยมะเร็งจำเป็นแค่ไหน ?

ยาแก้ปวดผู้ป่วยมะเร็ง

อาการปวดเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยมะเร็ง โดยอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น มะเร็งลุกลามกดทับอวัยวะภายใน มะเร็งแพร่กระจายไปที่กระดูก หรือผลข้างเคียงจากการรักษา เช่น การผ่าตัด การให้เคมีบำบัด การให้รังสีรักษา เป็นต้น อาการปวดจากโรคมะเร็งสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมาก ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ มีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ 

ดังนั้น ยาแก้ปวดผู้ป่วยมะเร็งสามารถช่วยในการรักษาอาการปวดจากโรคมะเร็งจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเป้าหมายของการรักษาคือ บรรเทาอาการปวดให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติมากที่สุด

ยาแก้ปวดผู้ป่วยมะเร็งเป็นการรักษาอาการปวดจากโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูง

ยาแก้ปวดผู้ป่วยมะเร็งมีหลายชนิด แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ

  • ยาแก้ปวดแบบไม่ใช้สเตียรอยด์ (Non-steroidal anti-inflammatory drugs: NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลเฟแนค นาพรอกเซน ยากลุ่มนี้มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • ยาแก้ปวดแบบโอปิออยด์ (Opioids) เช่น มอร์ฟีน เฟนทานิล ออกซีโคโดน ยากลุ่มนี้มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดปานกลางถึงรุนแรง ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์มักใช้รักษาอาการปวดจากโรคมะเร็งเป็นหลัก

ยาแก้ปวดผู้ป่วยมะเร็งเป็นการรักษาอาการปวดจากโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูง แต่อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ง่วงซึม ท้องผูก ปัสสาวะลำบาก หายใจช้าลง เป็นต้น แพทย์จะพิจารณาเลือกใช้ยาแก้ปวดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยคำนึงถึงความรุนแรงของอาการปวด ความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง และความต้องการของผู้ป่วย

ผู้ป่วยมะเร็งควรได้รับยาแก้ปวดอย่างเพียงพอ

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดแนวทางการบรรเทาอาการปวดจากโรคมะเร็งไว้ เรียกว่า แนวทางการบรรเทาอาการปวดจากโรคมะเร็งขององค์การอนามัยโลก (WHO analgesic ladder) แนวทางนี้แบ่งยาแก้ปวดออกเป็น 3 ขั้น ตามระดับความรุนแรงของอาการปวด โดยผู้ป่วยมะเร็งควรได้รับยาแก้ปวดอย่างเพียงพอตามแนวทางของ WHO เพื่อป้องกันไม่ให้อาการปวดรุนแรงขึ้น

ขั้นที่ 1: ยาแก้ปวดแบบไม่ใช้สเตียรอยด์

เป็นขั้นพื้นฐานของการรักษาอาการปวดจากโรคมะเร็ง โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกใช้ยาแก้ปวดแบบไม่ใช้สเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลเฟแนค นาพรอกเซน เป็นต้น หากอาการปวดไม่ดีขึ้นหรืออาการปวดรุนแรงขึ้น แพทย์จะพิจารณาปรับขึ้นเป็นขั้นที่ 2

ขั้นที่ 2: ยาแก้ปวดแบบผสม

เป็นขั้นที่แพทย์จะพิจารณาเพิ่มยาแก้ปวดแบบโอปิออยด์ชนิดต่ำฤทธิ์ เช่น โคเดอีน ทรามาดอล เป็นต้น ร่วมกับยาแก้ปวดแบบไม่ใช้สเตียรอยด์ หากอาการปวดไม่ดีขึ้นหรืออาการปวดรุนแรงขึ้น แพทย์จะพิจารณาปรับขึ้นเป็นขั้นที่ 3

ขั้นที่ 3: ยาแก้ปวดแบบโอปิออยด์ชนิดแรง

เป็นขั้นที่แพทย์จะพิจารณาใช้ยาแก้ปวดแบบโอปิออยด์ชนิดแรง เช่น มอร์ฟีน เฟนทานิล ออกซีโคโดน เป็นต้น ร่วมกับยาแก้ปวดแบบไม่ใช้สเตียรอยด์หรือยาแก้ปวดแบบผสม หากอาการปวดไม่ดีขึ้นหรืออาการปวดรุนแรงขึ้น แพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การระงับปวดด้วยวิธีทางกายภาพ การใช้ยาชาเฉพาะที่ เป็นต้น

ผู้ป่วยมะเร็งควรแจ้งอาการปวดกับแพทย์

หากผู้ป่วยมะเร็งมีอาการปวด ควรแจ้งอาการปวดกับแพทย์โดยเร็ว เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินความรุนแรงของอาการปวดและพิจารณาเลือกใช้ยาแก้ปวดที่เหมาะสมได้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากยาแก้ปวด

ยาแก้ปวดเป็นการรักษาอาการปวดจากโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูง แต่อาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น ผู้ป่วยมะเร็งควรได้รับยาแก้ปวดอย่างเพียงพอภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้สามารถบรรเทาอาการปวดและมีคุณภาพชีวิตที่ดี